วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บันทึกการเรียน ! สัปดาห์ที่ 11

วันนี้ อาจารย์อุทิศ
เอาเรามาพบกันที่ KB !!
เป็นวันประกาศคะแนน
ที่สอบกันไป เราได้ 16 เต็ม 20

ซึ่งก็ ok แต่ก็น่าจะได้ดีกว่านี้นะครับ ~~

วันนี้เรียนกันเรื่องสัมภาษณ์ๆ
สนุกสนาน นั่งดุ power point

เแต่แล้วเราก็ต้องไปทำการสัมภาษณ์กันจริงๆ
นะเนี่ยยย

ว้าวว

บันทึกการเรียน ! สัปดาห์ที่ 10

เมื่ออาทิตย์ เอกการสอนภาษาอังกฤษของเรา
ได้ไปเข้าค่ายลูกเสือมาาา !!~
รู้สึกเหมือนเรียน ป.6 หรือ ม.3 เลย นะเนี่ยย ~

อาทิตย์นี้อาจารย์บอกว่า คะแนนยังไม่ออก
ก็ลุ้นกันต่อไป

วันนี้อาจารย์ อุทิศให้มา
Retrospect กันในเรื่อง Search Engine
กันใหม่ เพราะว่าพวกเราลืมกันหมดเเล้วว
หลังจากที่เคยเรียนกันมาตั้งแต่ต้นเทอม !!

ใน Class ก็นั่งดู Power Point กันไป
สนุกสนาน
ท้ายค้าบก็มีงานกันมาให้

เป็นงานทบทวนเรื่องที่เรียนกันไป

สนุกสนานนน ~~

บันทึกการเรียน ! สัปดาห์ที่ 9

เห็นจาก 2 บทความที่ผ่านมา
ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าของ blog จะใฝ่ธรรมะได้ขนาดนี้่ - -

วันนี้ไม่ใช่วันธรรมดา วันนี้เป็นวันสอบของ
พวกเราข้อสอบยากมาก
ไม่ใช่แค่กากบาท แต่เป็น
ข้อเขียน คิด คิดเคราะห์จาก video-clip
แล้วมาเขียนเป็น mind map และ บทความ

แต่ว่าข้อสอบก็มาจากเรื่องที่เรียนน่ะแหละ
แต่พอจริงๆก็ทำไม่ค่อยได้เลยนะเนี่ยย

ลุ้นปายๆๆ

วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ดับไฟริษยาไม่ไหวเห็นทีต้องตัดใจ

นาย ศิธา สุธาวุฒิ
เอกการสอนภาษาอังกฤษ
รหัสนิสิต 52040244

เคยมั้ยครับเวลาเห็นใครได้ดีว่าตัวเอง เวลาที่รู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าหรือทำอะไรไม่ดีเท่าคนอื่น สู้คนอื่นไม่ได้ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นง่ายกว่าความรู้สึกรักซะอีก ความรู้สึกมี่มันร้อนนัยน์ตา บางทำอาจถึงขั้นไฟไหม้คิ้วเลยก็ได้ ความรู้สึกนั้นมันไม่ใช่แค่อิจฉา แต่มันคือเวลาที่ไฟริษยาเราเกิด อาฆาต ! พยาบาท !
เมื่อวันจันทร์ก่อนนั้นอาจารย์อุทิศ ได้เปิดนิทานซึ่งทีเป็นคำเทศนาจากท่าน ว. วชิรเมธี เป็นเรื่องเกี่ยวกับความริษยา เรื่องมีอยู่ว่า ณ เมือง เมืองหนึ่ง พระราชามีพระโอรสอยุ่ 2 พระองค์ โดยองค์เล็กเป็นผู้ที่ขี้อิจฉาริษยาตาร้อนเป็นอย่างมาก วันหนึ่งต้องการที่จะวัดองศาร้อนของไฟริษยาของโอรสผู้น้องโดยการกล่าวว่า “เจ้าต้องการอะไรพ่อจะจัดให้ แต่พี่เจ้าต้องได้เป็น 2 เท่านะ” เมื่อผู้น้องได้ฟังก็รู้สึกอึดอัด และคิดมากมาย เพราะไม่ว่าตัวเองอยากจะได้อะไรก้ต้องได้น้อยกว่าพี่เสมอๆ แต่ในที่สุดเขาก็ได้กล่าวกับพระราชาว่าให้ ควักลูกตาเขาออกมา 1 ลูก ซึ่งหมายความว่า เข้าต้องการให้องค์พี่เค้านั้นตาบอกไปเลย
หลังจากนิทานนั้นจบลงท่าน ว. วชิรเมธี ได้กล่าวข้อคิดไว้ว่าไฟริษยานั้นนอกจากจะทำร้ายคนอื่นได้แล้วยังสามารถทำร้ายตัวเองโดยที่เราไม่รู้ตัวได้อีกด้วย แต่ท่านไม่ได้กล่าววิธีการตัดใจดับไฟริษยาเลยแต่อย่างใด ผมจึงได้ค้นหาข้อมูลในการดับไฟริษยานั้นแล้วได้ผลมาว่า
1. หมั่นให้ทาน คำว่า "ทาน" ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการตักบาตรกับพระภิกษุสามเณร ทานในที่นี้ หมายถึง มีอะไรก็ปันกันกิน ปันกันใช้ รวมทั้งปันกันดังด้วย
2. ปิยวาจา เวลาพูดจากับใครก็พูดด้วยถ้อยคำที่ไพเราะ เพราะสิ่งที่จะให้กำลังใจคนได้ดีนั้น ไม่มีอะไรเกินคำพูดที่เพราะๆ ในทำนองเดียวกันสิ่งที่จะทอนกำลังใจคน ก็ไม่มีอะไรเกินคำพูดที่ระคายหูเช่นกัน
3. อัตถจริยา คือ ความรู้ความสามารถ ที่เรามีอยู่ ถ้าเอาไปช่วยใครได้ ก็ช่วยๆ กันไป อย่าไปหวงเลย
4. สมานัตตตา คือ ไม่ว่าคบกับใครก็มีแต่ความจริงใจให้เขา ไม่แทงใครข้างหลัง ไม่ว่าร้ายใครลับหลัง มีแต่ความจริงใจ มีแต่ความปลอดภัยให้เขาเสมอ

จึงสรุปได้ว่าไฟริษยานั้นเกิดขึ้นได้กับทุกๆคน บางทีเราไม่สามารถห้ามให้มันเกิดขึ้นมาได้ แต่เรานั้นสามารถให้ธรรมะเพื่อดับมันได้








-------------------------------------
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของศึกษารายวิชา ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
เอกสารอ้างอิง

www.luangpee.net/forum/?topic=847.0
http://www.kalyanamitra.org/daily/dhamma/index.php?option=com_content&task=view&id=3419&Itemid=99999999

พ่อแม่ที่ดีของลูก-ลูกที่ดีของพ่อแม่

พ่อแม่ที่ดีของลูก-ลูกที่ดีของพ่อแม่

นาย ศิธา สุธาวุฒิ
เอกการสอนภาษาอังกฤษ
รหัสนิสิต 52040244

เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนนี้ ในคาบเรียนวิชาทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งถือว่าเป็นการเรียนในสัปดาห์ที่ 7 แล้ว ในสัปดาห์นั้นเราเรียนกันในเรื่องของไฟล์เสียงกัน เรียนกันตั้งแต่ wav midi และอีกมากมาย โดยนอกจากอาจารย์จะสอนเกี่ยวกับไฟล์เสียงต่างๆแล้ว อาจารย์ยังสอนให้วิเคราะห์เนื้อหาที่ได้จากการฟังด้วย โดยเรื่องแรกที่อาจารย์ได้เปิดให้พวกเราฟังนั้น เป็นเรื่องหน้าที่ของพ่อแม่ และ ลูกที่ดี ซึ่งเป็นคำเทศนาของท่าน ว.วชิรเมธี ซึ่งแม้ในคาบผมจะหลับ แต่เมื่อผมได้มีโอกาสมาฟังไฟล์ wma ไฟล์นี้ ผมกลับรู้สึกได้ว่า นี่ไม่ใช่คำเทศนาของพระที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
ทุกคนคงจะเคยได้มีโอกาสฟังคำพระ ทีเกี่ยวกับการเป็นลูกที่ดีมาบ้างแล้วใช่มั้ยล่ะครับ แต่ในบทความนั้นไม่ได้เป็นการสอนให้เราเป็นเพียงแค่ลูกที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นการสอนหน้าที่พ่อแม่ที่ดีและยังเป็นการสอนให้เราเตรียมตัวที่จะเป็นพ่อแม่ที่ดีในอนาคตด้วย
บทความนั้นเริ่มต้นด้วยการเกริ่นนำว่า ก่อนที่พ่อแม่จะเรียกร้องให้ลูกๆมากตัญญูต่อตัวเองนั้น
พ่อแม่ ต้องดูตัวเองก่อนว่าตัวเองได้ทำหน้าที่ของ พ่อแม่ที่ดีแล้วหรือยัง หน้าที่ของพ่อที่ดีนั้นคือ ต้องห้ามปรามลูกจากความชั่ว ต้องสอนให้ลูกรู้ว่าอะไรนั้นคือความชั่วและบอกให้ลูกนั้นอย่าเข้าไปยุ่งกับความชั่ว และให้ลูกนั้นตั้งตนอยู่แต่ในความดี และสอนให้ลูกๆเป็นคนดีมีคุณธรรม การจะเป็นคนดีได้นั้นจะต้องวัดกันที่การศึกษา พ่อแม่ต้องให้ลูกมีการศึกษาที่ดีเพราะถ้าลูกไม่มีการศึกษาที่ดีพอแล้ว จะถือว่าพ่อแม่ไม่สามารถทำหน้าที่พ่อแม่ที่ดีได้เลย และการศึกษานั้นไม่ได้เริ่มต้นที่โรงเรียนแต่เป็นการเริ่มต้นตั้งแต่การสั่งสอนของพ่อแม่อีกด้วย นอกจากนี้พ่อแม่ยังมีหน้าที่ ที่จะต้องหาคู่ครองที่ดีให้กับลูก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องคลุมถุงชน ต้องให้โอกาสลูกได้เลือกเองบ้างอะไรบ้าง เพียงแต่พ่อแม่จะต้องดูว่าลูกเรานั้นคบอยู่กับคนที่ดีพอกับลูกเราหรือไม่ เพราะว่าถ้าคู่ครองของลูกนั้นไม่ดีพอก็หมายถึงสถาบันครอบครัวของลูกนั้นจะล่มสลายไป และสุดท้าย พ่อแม่นั้นจะต้องมอบมรดกให้กับลูกในเวลาอันควร มรดกนั้นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเงินทองเสมอไป แต่อาจจะเป็นคุณงามความดี ชื่อเสียง ที่พ่อแม่นั้นได้สั่งสมมา ถ้าพ่อแม่นั้นได้ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีที่สุดแล้ว ก็จะสามารถเรียกร้องให้ลูกๆ มาเป็นลูกที่กตัญญูต่อตัวเองด้วย
ส่วนตัวลูกนั้นเมื่อมีพ่อแม่ที่ประเสริฐขนาดนี้แล้ว ลูกนั้นก็ต้องมีหน้าที่ของตัวเองเช่นกัน หน้าที่ของลูกนั้นคือ ท่านเลี้ยงเรามาแล้วเลี้ยงท่านตอบ ช่วยทำกิจการงานของท่าน ดำรงวงศ์สกุลของพ่อแม่ไว้ ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็นทายาท เมื่อท่านล่วงลับไปแล้วทำบุญอุทิศให้ท่าน ถ้าลูกๆนั้นได้ทำตามข้างต้นนี้แล้วก็จะถือว่าเป็นลูกที่ดีได้
ที่สุดแล้วก็จึงสรุปได้ว่าบางครั้งที่ลูกนั้นไม่กตัญญูต่อพ่อแม่นั้น พ่อแม่อาจจะต้องหันหลับมามองตัวเองด้วยว่า ตัวเองนั้นทำหน้าที่พ่อแม่ดีแล้วหรือยัง ส่วนลูกก็ต้องดูตัวเองเหมือนกันว่า ได้ทำหน้าที่ที่เป็นลูกที่ดีพอแล้วหรือยัง นอกจากนี้พระพุทธเจ้าได้ให้หลักธรรมการเป็นพ่อแม่ที่ดีไว้คือ พรหมวิหาร 4
ซึ่งหมายถึง เมตตาลูกในยามปกติ กรุณาลูกในเวลาที่ลูกมีปัญหา มุฑิตาเมื่อลูกนั้นประสบความสำเร็จ และอุเบกขาเมื่อลูกทำผิด ทั้งหมดนี้ต้องตั้งอยู่บนความพอดีไม่มากเกินไป ถ้าพ่อแม่นั้นได้ปฎิบัติตามหลักของพรหมวิหาร 4 แล้ว ก็ถือได้ว่า “พ่อแม่นั้นคือพระพรหมของลูก”


-------------------------------------
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของศึกษารายวิชา ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
เอกสารอ้างอิง
http://www.tamdee.net/dhamma/play.asp?QID=489
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=6c84465d97a294be&pli=1

บันทึกการเรียน ! สัปดาห์ที่ 8

วันนี้เรามาพบกันที่
KB หลังจากที่ สัปดาห์ที่ 7 นั้น เราไม่มีการเรียนการสอน
เพราะว่ากลับบ้านกันหมดเลย เฮ้ออๆๆ

วันนี้เรามาเรียนกันในเรื่องของ
ไฟล์เสียงมากมาย
แต่อาจารย์อธิบายได้เร็วมากมาย
อาจารย์ก็เลยให้ file power point มาเลย

และอาจารย์อุทิศก็ได้ให้ฟังเสียง
ธรรมะให้ซึ้งในรสพระธรรม
หลับกันไปข้างนึุง
และก็ให้วิเคราะห์แล้วเขียนเป็น
Mind Map ส่งในคาบ
และให้การบ้านเป็นการเขียนบทความที่ได้จากการ
เขียน mind map
สามารถอ่านได้ในบทความต่อไปนะครับ ^^