วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ดับไฟริษยาไม่ไหวเห็นทีต้องตัดใจ

นาย ศิธา สุธาวุฒิ
เอกการสอนภาษาอังกฤษ
รหัสนิสิต 52040244

เคยมั้ยครับเวลาเห็นใครได้ดีว่าตัวเอง เวลาที่รู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าหรือทำอะไรไม่ดีเท่าคนอื่น สู้คนอื่นไม่ได้ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นง่ายกว่าความรู้สึกรักซะอีก ความรู้สึกมี่มันร้อนนัยน์ตา บางทำอาจถึงขั้นไฟไหม้คิ้วเลยก็ได้ ความรู้สึกนั้นมันไม่ใช่แค่อิจฉา แต่มันคือเวลาที่ไฟริษยาเราเกิด อาฆาต ! พยาบาท !
เมื่อวันจันทร์ก่อนนั้นอาจารย์อุทิศ ได้เปิดนิทานซึ่งทีเป็นคำเทศนาจากท่าน ว. วชิรเมธี เป็นเรื่องเกี่ยวกับความริษยา เรื่องมีอยู่ว่า ณ เมือง เมืองหนึ่ง พระราชามีพระโอรสอยุ่ 2 พระองค์ โดยองค์เล็กเป็นผู้ที่ขี้อิจฉาริษยาตาร้อนเป็นอย่างมาก วันหนึ่งต้องการที่จะวัดองศาร้อนของไฟริษยาของโอรสผู้น้องโดยการกล่าวว่า “เจ้าต้องการอะไรพ่อจะจัดให้ แต่พี่เจ้าต้องได้เป็น 2 เท่านะ” เมื่อผู้น้องได้ฟังก็รู้สึกอึดอัด และคิดมากมาย เพราะไม่ว่าตัวเองอยากจะได้อะไรก้ต้องได้น้อยกว่าพี่เสมอๆ แต่ในที่สุดเขาก็ได้กล่าวกับพระราชาว่าให้ ควักลูกตาเขาออกมา 1 ลูก ซึ่งหมายความว่า เข้าต้องการให้องค์พี่เค้านั้นตาบอกไปเลย
หลังจากนิทานนั้นจบลงท่าน ว. วชิรเมธี ได้กล่าวข้อคิดไว้ว่าไฟริษยานั้นนอกจากจะทำร้ายคนอื่นได้แล้วยังสามารถทำร้ายตัวเองโดยที่เราไม่รู้ตัวได้อีกด้วย แต่ท่านไม่ได้กล่าววิธีการตัดใจดับไฟริษยาเลยแต่อย่างใด ผมจึงได้ค้นหาข้อมูลในการดับไฟริษยานั้นแล้วได้ผลมาว่า
1. หมั่นให้ทาน คำว่า "ทาน" ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการตักบาตรกับพระภิกษุสามเณร ทานในที่นี้ หมายถึง มีอะไรก็ปันกันกิน ปันกันใช้ รวมทั้งปันกันดังด้วย
2. ปิยวาจา เวลาพูดจากับใครก็พูดด้วยถ้อยคำที่ไพเราะ เพราะสิ่งที่จะให้กำลังใจคนได้ดีนั้น ไม่มีอะไรเกินคำพูดที่เพราะๆ ในทำนองเดียวกันสิ่งที่จะทอนกำลังใจคน ก็ไม่มีอะไรเกินคำพูดที่ระคายหูเช่นกัน
3. อัตถจริยา คือ ความรู้ความสามารถ ที่เรามีอยู่ ถ้าเอาไปช่วยใครได้ ก็ช่วยๆ กันไป อย่าไปหวงเลย
4. สมานัตตตา คือ ไม่ว่าคบกับใครก็มีแต่ความจริงใจให้เขา ไม่แทงใครข้างหลัง ไม่ว่าร้ายใครลับหลัง มีแต่ความจริงใจ มีแต่ความปลอดภัยให้เขาเสมอ

จึงสรุปได้ว่าไฟริษยานั้นเกิดขึ้นได้กับทุกๆคน บางทีเราไม่สามารถห้ามให้มันเกิดขึ้นมาได้ แต่เรานั้นสามารถให้ธรรมะเพื่อดับมันได้








-------------------------------------
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของศึกษารายวิชา ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
เอกสารอ้างอิง

www.luangpee.net/forum/?topic=847.0
http://www.kalyanamitra.org/daily/dhamma/index.php?option=com_content&task=view&id=3419&Itemid=99999999

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น